บทความแนวคิดทางธรรมเรื่อง “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” โดย น.ท.สมปอง วัฒนกูล อศจ.บก.รร.นร.

เรื่อง  อดเปรี้ยวไว้กินหวาน

โดย  น.ท.สมปอง  วัฒนกูล  อศจ.บก.รร.นร.

คำว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เป็นสำนวน คือเป็นถ้อยคำที่มีความหมายไม่ตรงตามตัวหนังสือหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ ซึ่งในภาษาไทยมีอยู่หลายคำ อดเปรี้ยวไว้กินหวานนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำนิยามว่า อดใจไว้ก่อนเพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า  หมายถึง รู้จักรอคอยเพื่อผลที่ดีกว่านั่นเอง

การอดทนและรอคอยนี้เป็นวิธีการหนึ่งแห่งการเข้าถึงความสำเร็จ  ดังมีเรื่องเล่าว่า ชายสองคนหาขวดขายด้วยกัน ทั้งสองทำสัญญากันว่า ถ้ายังไม่มีเงินถึง ๘๐ ชั่ง จะไม่ยอมกินเป็ดกินไก่เป็นอันขาด วันหนึ่งระหว่างที่คนแรกหาขวดขายก็ไปพบกับวงการพนันเข้า จึงตัดสินใจเล่นพนัน ปรากฏว่าชนะ     จึงซื้อเป็ดซื้อไก่กินอย่างเอร็ดอร่อยแล้วเอามาฝากเพื่อนด้วย คนที่สองพอทราบเรื่องแทนที่จะดีใจกลับโกรธที่เพื่อนไม่รักษาสัจจะ ไม่ยอมกินเป็ดไก่นั้นและตัดสินใจเลิกคบกัน แล้วตั้งใจรักษาสัจจะให้มั่นกว่าเดิม     ทำมาหากินด้วยความพากเพียรจนกระทั่งร่ำรวย ในที่สุดได้รับบรรดาศักดิ์เป็นถึงพระยา ในขณะที่คนแรกนั้นหากินไปเล่นการพนันไป สุดท้ายหมดตัว สังขารก็ทรุดโทรมขายขวดต่อไม่ไหวต้องกลายเป็นขอทาน กระเซอะกระเซิงมาจนถึงบ้านของพระยาที่เคยขายขวดมาด้วยกัน  ท่านพระยาจำได้ก็จูงมือเพื่อนเก่าขึ้นไปบนบ้าน พาไปดูไม้คานที่ตัวเองเคยหาบขวดขายจนตั้งตัวได้ และนำมาปิดทองตั้งบูชาไว้ในตู้     เพื่อสอนให้เพื่อนตระหนักในคุณค่าแห่งการรอคอยเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ดังที่ตัวได้ทำสำเร็จมาแล้ว

อดเปรี้ยวไว้กินหวานนี้ ที่ว่าเป็นเครื่องมือให้เข้าถึงความสำเร็จเพราะเป็นการฝึกผู้ปฏิบัติให้รู้จักอดทน ขยันหมั่นเพียร  ยึดมั่นในสัจจะ และดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ซึ่งตรงกันข้ามกับประเภทใจเร็วด่วนได้ หรือชิงสุกก่อนห่ามที่แม้จะดูว่าสมประโยชน์ในเบื้องต้นและได้เสพสุขแบบทันใจ แต่ก็ไม่ยั่งยืนถาวรและมักจะตามมาด้วยความทุกข์ความผิดหวังในที่สุด

บทความแนวคิดทางธรรมเรื่อง”โทษของการไม่รู้คุณ”

—————— โดย  น.ท.สมปอง  วัฒนกูล  อศจ.บก.รร.นร.

มีนิทานเล่าเป็นคติสอนใจไว้ว่า เนื้อสมันตัวหนึ่งถูกนายพรานไล่ล่าหมายจะสังหาร จึงวิ่งหนีสุดชีวิตจนไปพบพุ่มไม้หนาทึบพุ่มหนึ่งกระโดดเข้าไปหลบซ่อนตัวในพุ่มไม้นั้น เมื่อนายพรานตามมาทันแต่มองหาไม่พบก็ผ่านเลยไปทางอื่นเสีย เนื้อสมันเห็นว่าตนเองปลอดภัยแน่แล้ว ก็เกิดความชะล่าใจ ยิ่งเห็นพุ่มไม้ที่อาศัยหลบซ่อนนั้นเต็มไปด้วยยอดและใบอ่อนที่แตกระบัด ก็สำคัญว่าเป็นโชคดีที่มาพบอาหารอันโอชะแล้วและเล็มกินใบไม้นั้นอย่างเพลิดเพลิน จนพุ่มไม้กลับโล่งโปร่งบางไปถนัดตา ฝ่ายนายพรานเมื่อผิดหวังก็เดินกลับมาทางเก่า ได้มองเห็นเนื้อสมันตัวนั้นอีกครั้ง จึงได้สังหารด้วยธนูสมดังใจหมาย ก่อนจะตาย  เนื้อสมันคิดถึงโทษที่ตนได้ทำลายพุ่มไม้ซึ่งเคยช่วยชีวิตไว้ จึงเกิดสำนึกว่า  “นี่แหละ โทษแห่งการทำลายสิ่งที่มีคุณ”

เรื่องนี้ให้ข้อเตือนใจว่า การทำลายสิ่งที่มีคุณ จะมีแต่ความหายนะโดยส่วนเดียว และสิ่งที่มีคุณนั้นก็มีมากหลาย นอกจากบุคคลแล้วยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่ชีวิตต้องพึ่งพิงเกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่อาชีพการงาน ผืนแผ่นดินที่อาศัย ป่าไม้ลำธารไปจนถึงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ผู้ที่มีความสำนึกในคุณของสิ่งเหล่านี้ จะไม่ทำลาย มีแต่คอยอนุรักษ์สร้างสรรค์ให้ดีงามยิ่งขึ้นไป การกระทำเช่นนี้เป็นหลักแห่งความกตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญข้อหนึ่งที่ใช้ตัดสินความเป็นคนดีหรือคนชั่ว

การที่มนุษย์ทำลายป่าไม้ แหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งมีคุณ ด้วยความโลภบ้าง    ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมักง่ายบ้าง  ก็เป็นที่ประจักษ์ในปัจจุบันแล้วว่า แท้จริงคือการสร้างความหายนะแก่ตนเองทั้งสิ้น ความกตัญญูรู้คุณต่อบุคคลหรือสิ่งที่มีคุณนี้ จึงไม่ใช่เรื่องผิวเผินที่มีไว้สำหรับสอนเด็กอย่างที่คิดกันเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ต้องอยู่ในจิตสำนึกของทุกคน หาไม่แล้ว สักวันหนึ่งก็อาจจะมีชะตากรรมเหมือนเนื้อสมันในเรื่องนี้ก็เป็นได้