ปริศนาจากพระปฏิมากร
—————— โดย น.ท.สมปอง วัฒนกูล อศจ.บก.รร.นร.
พระปฏิมากรหรือพระพุทธรูปที่ช่างศิลป์ได้รังสรรค์ขึ้นมาเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าเพื่อให้พุทธศาสนิกได้กราบไหว้บูชานั้น มีพุทธลักษณะที่แตกต่างกันไปบ้างตามอิทธิพลของสกุลช่างในแต่ละยุคสมัย แต่ที่เห็นเป็นส่วนใหญ่จนคุ้นตาก็คือ “เส้นพระเกศาขมวดเป็นปมคล้ายก้นหอย หรือเลข ๑ ของไทย พระเกตุมาลามีลักษณะเป็นเปลวเพลิงแหลมขึ้นไป พระพักตร์อิ่มเอิบ มีลักษณะแย้มเล็กน้อย พระเนตรทอดต่ำลง พระกรรณยาว พระนาสิกโด่ง นิ้วพระบาทเสมอกัน”
ปราชญ์ทางศาสนาได้แก้ปริศนาที่แฝงอยู่ในพุทธลักษณะดังกล่าวไว้ว่า
เส้นพระเกศาขมวดเป็นปมคล้ายก้นหอยหรือเลข ๑ ของไทย หมายถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ตัวเราเองเป็นผู้ขมวดปมขึ้นมา
พระเกตุมาลาที่มีลักษณะเป็นเปลวเพลิงแหลมขึ้นไป หมายถึงเงื่อนปมของปัญหาเหล่านั้นจะต้องใช้ความแหลมคมของปัญญาเป็นเครื่องมือในการแทงทะลุหรือฟันฝ่าออกไป
พระพักตร์อิ่มเอิบมีลักษณะแย้มเล็กน้อย หมายถึงจิตใจที่มีความสุข เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา
พระเนตรที่ทอดต่ำลง หมายถึงการสำรวจตน มองดูเรื่องที่คิด กิจที่ทำ คำที่พูดของตนเอง ไม่มัวไปเพ่งมองแต่ความผิดพลาดบกพร่องของคนอื่น
พระกรรณยาว หมายถึงการเป็นคนหูหนักเข้าไว้อย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ
พระนาสิกโด่ง หมายถึงการทำจริง ไม่เหลาะแหละเหลวไหล
นิ้วพระบาทเสมอกัน หมายถึงการดำเนินชีวิตตามครรลองแห่งความดีงามอย่างเสมอต้นเสมอปลาย รักษาระดับจิตได้คงที่ไม่ฟูขึ้นหรือยุบลงตามอำนาจกิเลส
ปริศนาที่แฝงอยู่ในพุทธลักษณะเช่นนี้ ฟังเผิน ๆ อาจดูเหมือนจินตนาการที่ตีความกันไปเรื่อยเปื่อย แต่ถ้าน้อมจิตใจเข้าไปหาและปฏิบัติตามความหมายของพุทธลักษณะดังกล่าวได้ ก็จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีงามแก่ชีวิต และจะทำให้การกราบไหว้พระพุทธรูปแต่ละครั้ง เป็นการกราบไหว้ที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล